วันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

3 ตัวช่วย รวยด้วยหุ้นเทคนิค(ตอนที่9)

3 ตัวช่วยรวยด้วยหุ้นเทคนิค ตอนที่ 8 "ทำความรู้จัก RSI"
Share on Facebook
     บทความนี้เราจะมาทำความรู้จัก RSI หรือชื่อเต็มคือ Relative Strength Index  ซึ่งเป็น  Indicator ยอดฮิตตัวสุดท้ายของ ซี่รี่ย์ “3 ตัวช่วยรวยด้วยหุ้นเทคนิค”  RSI เป็น Indicator  ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ แรงส่งของราคาหุ้น หรือ Momentum (สามารถทำความเข้าใจความหมายของ Momentum  ได้จากซีรี่ย์ ตอนที่ 1  “”ทำความรู้จัก Indicators” )  

เนื้อหาจะเริ่มอธิบายสูตรของ RSI และต่อมาจะแปลความหมายจากค่า  RSI ที่ได้จากการคำนวณ และลักษณะหน้าตาของกราฟ RSI ว่าจะให้ข้อมูลอะไรกับเราบ้าง


RSI คืออะไร

     RSI เป็น Indicator ที่พัฒนาโดย J. Welle Wilder  ซึ่งคนนี้พัฒนา Indicators  อีกหลายตัวที่เป็นที่นิยมในหมู่คนเล่นหุ้นเทคนิค เช่น ADX (Average Directional Index), True Range เป็นต้น  RSI เป็น Indicator ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Momentum ของราคาหุ้น เนื้อหาในบทความนี้จะพูดถึงเฉพาะ RSI โดยสูตรของ RSI คือ

           

ข้อควรทราบ
      การคำนวณ RSI จะใช้ค่าของ Average Loss คิดเป็นค่า + (บวก) ไม่ใช่ค่า - (ลบ) ***
     ค่าของ RSI จะอยู่ระหว่าง 0-100
      จำนวนวันที่ใช้คำนวณ RSI โดยปกติจะใช้ 14 วัน

การคำนวณ RS สำหรับวันแรก ในการคำนวณ RSI

Average Gain วันแรก  = ผลรวมของการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่เป็นบวกใน 14 วัน / 14
Average Loss วันแรก = ผลรวมของการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นที่เป็นลบใน 14 วัน / 14

การคำนวณ RS ในวันถัดไปจะถูกคำนวณจาก Average Gain, Loss ของวันก่อนหน้า และ การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในวันปัจจุบัน

Average Gain ในวันปัจจุบัน = ((Average Gain ของเมื่อวาน x 13) + การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นวันนี้ถ้าเป็นบวก) / 14
Average Loss ในวันปัจจุบัน = ((Average Loss ของเมื่อวาน x 13) + การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นวันนี้ถ้าเป็นลบ) / 14

*** เทคนิคในคำนวณค่า Average Gain, Loss ในวันปัจจุบัน โดยคำนึงถึงค่าของ Average Gain, Loss ในวันก่อนหน้าด้วย เป็นเทคนิคในการหาคาเฉลี่ยที่เหมือนกับการคำนวณ Exponential Moving Average ดังนั้น การคำนวณค่า Average Gain Loss จึงไม่ใช่การหาค่าเฉลี่ยแบบวิธีธรรมดาที่เราคุ้นเคย

การใช้เทคนิคในการหาค่าเฉลี่ยแบบเดียวกับ Exponential Moving Average เพื่อต้องการคำนึงถึงข้อมูลราคาปิดของหุ้นในทุก ๆ วันตั้งแต่วันแรก แต่จะให้น้ำหนักของข้อมูลที่ใกล้ปัจจุบันมากกว่าข้อมูลในอดีตที่ไกลออกไป ดังนั้นถ้าเราไม่ได้ใช้ราคาปิดของหุ้นตั้งแต่วันแรกที่หุ้นเข้าตลาดในการคำนวณค่า Average Gain ,Loss หรือค่า RS หรือค่า RSI ที่คำนวณได้จะเป็นแค่ค่าประมาณเท่านั้นแต่จะไม่ตรงกับค่า RSI ตามทฤษฎีแบบเป๊ะ ๆ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ข้อมูลตั้งแต่วันแรกในการคำนวณ แต่ใช้ข้อมูลย้อนหลังที่มากพอ (อย่างน้อย 250 วัน) ค่า RSI ที่คำนวณได้จะใกล้เคียงค่า RSI ทางทฤษฎีมาก ๆ และถือว่านำไปใช้งานได้     

การแปลความหมายค่า RSI เดี่ยว ๆ เพียงค่าเดียว


จากสูตรของ RSI จะสังเกตได้ว่า

1 ถ้าราคาหุ้นในวันถัดไปเพิ่มขึ้น Average Gain จะเพิ่มขึ้น, Average Loss จะเท่าเดิม, RS จะเพิ่มขึ้น และ RSI จะเพิ่มขึ้น
2 ถ้าราคาหุ้นในวันถัดไปเพิ่มขึ้น Average Gain จะเพิ่มขึ้น, Average Loss จะเท่าเดิม, RS จะเพิ่มขึ้น และ RSI จะเพิ่มขึ้น
3 ถ้า Average Gain มากกว่า Average Loss ค่า RS จะมากกว่า 1 และ RSI จะมากกว่า 50
4 ถ้า Average Gain น้อยกว่า Average Loss ค่า RS จะน้อยกว่า 1 และ RSI จะน้อยกว่า 50
5 ถ้า Average Gain ยิ่งน้อย (ราคาหุ้นลงแทบจะทุกวันไม่ค่อยมีวันที่หุ้นขึ้น) ค่า RSI จะเข้าใกล้ 0
6 ถ้า Average Loss ยิ่งน้อย (ราคาหุ้นขึ้นแทบจะทุกวันไม่ค่อยมีวันที่หุ้นลง) ค่า RSI จะเข้าใกล้ 100

จากประสบการณ์ของแด๊ดดี้ พบว่า น้อยครั้งมากที่จะเจอ RSI น้อยกว่า 10 หรือมากกว่า 90

การแสดงค่า RSI
  
     การวิเคราะห์ RSI จะคำนวณค่าของ RSI ออกมาหลายๆค่า ต่อเนื่องกัน และนำค่า RSI ที่คำนวณได้มา วาดเป็นการเส้นคู่ไปกับกราฟของราคาหุ้น แต่จะวาดกราฟเส้นของ RSI บนพื้นที่ใหม่แยกออมาจากกราฟราคาหุ้น  และในโปรแกรมการวิเคราะห์กราฟหุ้น ส่วนใหญ่ จะมีการลากเส้น แนวนอนของค่า RSI = 70 และค่า RSI = 30 ไว้ด้วย


รูปตัวอย่างแสดงกราฟเส้น RSI ควบคู่ไปกับกราฟราคาหุ้น

 RSI ให้ข้อมูล Momentum อย่างไร

เมื่อคำนวณค่าของ RSI แบบต่อเนี่อง และนำมาวาดเป็นกราฟ หรือเปรียบเทียบกับค่า RSI ของวันก่อนหน้า จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Momentum เพื่อนำมาใช้เป็นไอเดียในการเทรด มีอยู่ 6 กรณีที่น่าสนใจ ได้แก่

กรณีที่ 1 RSI มากกว่า 50 และเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า

     
     การที่ RSI มีค่ามากกว่า 50 แปลว่า Average Gain มากกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับตัวสูงขึ้น
     และ RSI เพิ่มขึ้นและมากกว่า 50 หมายความว่า Average Gain / Average Loss เพิ่มขึ้น แปลว่าราคาหุ้นในช่วง 14 วันล่าสุด (ช่วงสีฟ้า) มีค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นต่อค่าเฉลี่ยของการลดลง เพิ่มขึ้นจาก 14 วันก่อนหน้า (ช่วงสีเขียว) จึงสรุปว่า Momentum เชิงบวกเพิ่มขึ้น เป็นมุมมองเชิงบวกต่อราคาหุ้น


กรณีที่ 2 RSI มากกว่า 50 แต่มีค่าลดลงจากวันก่อนหน้า
     การที่ RSI มีค่ามากกว่า 50 แปลว่า Average Gain มากกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับตัวสูงขึ้น
     ถ้า RSI ลดลงแต่ยังมากกว่า 50 หมายความว่า Average Gain / Average Loss ลดลง แปลว่าราคาหุ้นในช่วง 14 วันล่าสุด (ช่วงสีฟ้า) มีค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นต่อค่าเฉลี่ยของการลดลง ลดลงจาก 14 วันก่อนหน้า (ช่วงสีเขียว) จึงสรุปว่า Momentum เชิงบวกลดลง เป็นมุมมองเชิงลบต่อราคาหุ้น


กรณีที่ 3 RSI วันก่อนหน้ามากกว่า 50 แต่ RSI ในวันปัจจุบันลดต่ำลงกว่า 50



     การที่ RSI มีค่ามากกว่า 50 แปลว่า Average Gain มากกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับตัวสูงขึ้น
     การที่ RSI มีค่าน้อยกว่า 50 แปลว่า Average Gain มากกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับลดลง
     การที่ค่า RSI เปลี่ยนจากค่าที่มากกว่า 50 เป็นค่าที่น้อยกว่า 50 แปลว่า Momentum มีการเปลี่ยนทิศทางจากมุมมองเชิงบวก เป็นมุมมองเชิงลบต่อราคาหุ้น


กรณีที่ 4 RSI น้อยกกว่า 50 และลดลงอีกจากวันก่อนหน้า

     การที่ RSI มีค่าน้อยกว่า 50 แปลว่า Average Gain น้อยกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับตัวลดลง
     และ RSI ลดลงอีกและน้อยกว่า 50 หมายความว่า Average Gain / Average Loss ลดลง แปลว่าราคาหุ้นในช่วง 14 วันล่าสุด (ช่วงสีฟ้า) มีค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นต่อค่าเฉลี่ยของการลดลง ลดลงจาก 14 วันก่อนหน้า (ช่วงสีเขียว) จึงสรุปว่า Momentum เชิงลบเพิ่มขึ้น เป็นมุมมองเชิงลบต่อราคาหุ้น


กรณีที่ 5 RSI น้อยกกว่า 50 แต่เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า

     การที่ RSI มีค่าน้อยกว่า 50 แปลว่า Average Gain น้อยกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับตัวลดลง
ถ้า RSI เพิ่มขึ้นแต่ยังน้อยกว่า 50 หมายความว่า Average Gain / Average Loss ลดลง แปลว่าราคาหุ้นในช่วง 14 วันล่าสุด (ช่วงสีฟ้า) มีค่าเฉลี่ยของการเพิ่มขึ้นต่อค่าเฉลี่ยของการลดลง เพิ่มขึ้น จาก 14 วันก่อนหน้า (ช่วงสีเขียว) จึงสรุปว่า Momentum เชิงลบลดลง เป็นมุมมองเชิงบวกกับราคาหุ้น


กรณีที่ 6 RSI วันก่อนหน้ามากกว่า 50 แต่ RSI ในวันปัจจุบันลดต่ำลงกว่า 50

     การที่ RSI มีค่ามากกว่า 50 แปลว่า Average Gain มากกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับตัวสูงขึ้น
     การที่ RSI มีค่าน้อยกว่า 50 แปลว่า Average Gain มากกว่า Average Loss อยู่ในช่วงที่หุ้นปรับลดลง
     การที่ค่า RSI เปลี่ยนจากค่าที่น้อยกว่า 50 เป็นค่าที่มากกว่า 50 แปลว่า Momentum มีการเปลี่ยนทิศทางจากมุมมองเชิงลบ เป็นมุมมองเชิงบวกต่อราคาหุ้น

     เชื่อว่าหลายคนอ่านตารางข้างบนทั้ง 6 กรณีแล้วจะต้องงงแน่ ๆ... เอาอย่างนี้ละกัน ถ้าอ่านตารางด้านบนไม่เข้าใจ ลองดูด้านล่างเพิ่มเติม




รูปแสดงการให้ข้อมูล Momentum ของ RSI

สรุป

     RSI เป็น Indicator ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแรงส่งของราคาหุ้น (Momentum) มีค่าอยู่ระหว่าง 0 -100 เมื่อคำนวณค่า RSI ออกมาหลาย ๆ ค่า แบบต่อเนื่อง และวาดเป็นกราฟเส้นเพื่อเปรียบเทียบกับ RSI ในอดีต โดยดูแนวโน้มของ RSI ว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลง สามารถใช้พิจารณาการเปลี่ยนแปลงของ Momentum ได้ 

ถ้า RSI มากกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าเพิ่มขึ้น แปลว่า ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร่ง Momentum เชิงบวกเพิ่มขึ้น

ถ้า RSI มากกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าลดลง แปลว่า ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นด้วยอัตราที่ช้าลง Momentum เชิงบวกลดลง

ถ้า RSI เปลี่ยนจากค่าที่มากกว่า 50 เป็น ค่าที่น้อยกกว่า 50 แปลว่า ราคาหุ้นเปลี่ยนจากเพิ่มขึ้น เป็นลดลง Momentum เปลี่ยนทิศ

ถ้า RSI น้อยกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าลดลง แปลว่า ราคาหุ้นลดลงด้วยอัตราเร่ง Momentum เชิงลบเพิ่มขึ้น

ถ้า RSI น้อยกว่า 50 และมีแนวโน้มมีค่าเพิ่มขึ้่น แปลว่า ราคาหุ้นลดลงด้วยอัตราที่ช้าลง Momentum เชิงลบลดลง

ถ้า RSI เปลี่ยนจากค่าที่น้อยกว่า 50 เป้นค่าที่มากกว่า 50 แปลว่า ราคาหุ้นเปลี่ยนจากลดลงเป็นเพิ่มขึ้น Momentum เปลี่ยนทิศ

     ในบทความนี้ผมหวังว่าผู้อ่านจะทำความเข้าใจเกี่ยวก้บ RSI เพื่อการแปลความหมาย Momentum ได้ดีขึ้น ในบทความตอนต่อไป ผมจะแนะนำวิธีการใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้อง แต่เป็นวิธีที่ถูกแนะนำกันอย่างแพร่หลาย ทำให้คนเล่นหุ้นเทคนิคหลายคน ไม่ประสบความสำเร็จในการเทรด รอติดตามกันนะครับ บ๋ายบาย….. ขอให้มีความสุขกับการเทรดหุ้นกับทุกคนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

3 ตัวช่วย รวยด้วยหุ้นเทคนิค(ตอนที่12)

3 ตัวช่วยรวยด้วยหุ้นเทคนิค ตอนที่ 11 “4 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Indicators” by เทรดเดอร์พ่อลูกอ่อน ,Jul 1, 2015 12:55 PM writer of บทความ...